ช่วงอายุ 4 – 6 ขวบ
ไม่สามารถทำกิจกรรมกับเพื่อนได้จนสิ้นสุดกิจกรรม
เดินไปมาโดยไม่สนใจกิจกรรมในห้องเรียน
ไม่สามารถนั่งได้ได้ขยับตัวไปมา มือหยิบของมาเล่น
พูดไม่หยุด พูดโพล่งขึ้นมาโดยไม่สนใจคนอื่น หรือเวลาคนอื่นกำลังคุยกัน เวลานึกอะไรได้จะพูดแทรกขึ้นมา
รอคอยไม่เป็น
เวลาไม่ได้ดั่งใจร้องไห้หรือปาข้าวของเพื่อเรียกร้องความสนใจ

ช่วงอายุ 6 – 18 ปี
ลืมการบ้านไว้ที่โรงเรียน
ทำการบ้านไม่สำเร็จ ต้องมีคนควบคุม
ทำการบ้านไม่เรียบร้อย
ลืมส่งการบ้าน
ชวนเพื่อนคุยในห้อง เดินไปมา เวลาครูสอนโดยไม่ตั้งใจ
วอกแวกง่าย
ไม่มีสมาธิจดจ่อ
บางทีเล่นแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทำอะไรเร็วๆขาดความรอบครอบ ทำให้ดูเหมือนไม่ตั้งใจทำการ
ไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญได้
ไม่ชอบกิจกรรมที่ต้องจดจ่อ

เมื่อผู้ปกครองสังเกตว่า ลูกของท่านมีปัญหาดังต่อไปนี้ควร ปรึกษาแพทย์หรือนักกิจกรรมเพื่อที่จะประเมินและให้คำปรึกษา และแก้ไข ผู้ปกครองท่านไหนสนใจคอร์สสามารถสอบถามได้ที่เรา

สมาธิสั้น สามารถ รักษาได้โดยไม่ใช้ยา
แนวทางการรักษาโดยไม่ใช้ยาในเด็กสมาธิสั้น ถือเป็นทางเลือกในการรักษา เนื่องจากเด็กบางคนมีผลข้างเคียงจากการใช้ยา ทำให้ผู้ปกครองจึงหันมาใช้การรักษาทางเลือกอื่น การใช้กิจกรรมในการรักษาถือเป็นอีกทางเลือกที่ผู้ปกครองสนใจและให้เด็กได้เข้าร่วม โดยกิจกรรมที่เราควรฝึกให้เด็กมีสมาธิมีหลากหลาย เราจะแบ่งเป็น 2 กิจกรรมหลักๆ คือ 1.การสลายพลังงานในเด็ก เพราะเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นจะมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาวิ่งไปมา ดังนั้น ควรให้กิจกรรมที่ เด็กสลายพลังงานมากที่สุด เช่น การให้ลงน้ำหนักลงข้อต่อ เช่น ผลัก ดึง ดัน เป็นต้น 2. กิจกรรมที่ฝึกสมาธิ หรือกิจกรรมที่ต้องจดจ่อ เช่น กิจกรรม เดินบนสะพานพร้อมตักไข่ กิจกรรม หาของที่ซ่อนในดินน้ำมัน เป็นต้น

การฝึกภาวะสมาธิสั้นไม่ใช่แค่การ ฝึกที่ตัวเด็ก การปรับสิ่งแวดล้อมก็เป็นตัวสำคัญ เช่นเมื่อนั่งในรถไปโรงเรียน ควรหากิจกรรมที่สร้างสรรค์ หรือการพูดคุยกับลูก เมื่อลูกมีเวลาว่างหากิจกรรมที่เหมาะสมตามวัย เช่น ศิลปะ เป็นต้น หรือส่งเสริมกิจกรรมที่ชอบ เช่น ว่ายน้ำ ดนตรี เป็นต้น ผู้ปกครองควรมีส่วนช่วยอย่างมากเพื่อให้เด็กสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น